วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553


Scientific Inquiry


Scientific Inquiry
คือกระบวนการสืบเสาะหาข้อมูลโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์

Scientists differ greatly in what phenomena they study and how they go about their work.
นักวิทยาศาสตร์ต่างกันอย่างมากในสิ่งที่พวกเขาศึกษาปรากฏการณ์และวิธีการเกี่ยวกับงานของเขาไป

Scientific investigations usually involve the collection of relevant data, the use of logical reasoning, and the application of imagination in devising hypotheses and explanations to make sense of the collected data.
การตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์มักจะเกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง, การใช้เหตุผลเชิงตรรกะและการใช้จินตนาการในการณ์สมมติฐานและคำอธิบายให้ความรู้สึกของข้อมูลที่เก็บ


If more than one variable changes at the same time in an experiment, the outcome of the experiment may not be clearly attributable to any one variable. It may not always be possible to prevent outside variables from influencing an investigation (or even to identify all of the variables).
หากมีการเปลี่ยนแปลงตัวแปรในเวลาเดียวกันในการทดสอบให้ผลการทดสอบอาจไม่ชัดเจนของผู้ใดตัวแปร มันอาจไม่สามารถป้องกันปัจจัยภายนอกที่มีอิทธิพลต่อการตรวจสอบจาก (หรือแม้แต่การระบุตัวแปรทั้งหมด)


Collaboration among investigators can often lead to research designs that are able to deal with situations where it is not possible to control all of the variables.
ความร่วมมือระหว่างนักมักจะนำไปสู่การออกแบบการวิจัยที่จะสามารถจัดการกับสถานการณ์ที่มันไม่สามารถควบคุมตัวแปรทั้งหมด


What people expect to observe often affects what they actually do observe. Strong beliefs about what should happen in particular circumstances can prevent them from detecting other results.
สิ่งที่คนมักจะคาดหวังว่าจะมีผลต่อการสังเกตสิ่งที่พวกเขาจริงจะสังเกต ความเชื่อ Strong เกี่ยวกับสิ่งที่ควรเกิดขึ้นในสถานการณ์เฉพาะสามารถป้องกันไม่ให้ตรวจสอบผลการอื่นๆ


Scientists know about the danger of prior expectations to objectivity and take steps to try and avoid it when designing investigations and examining data. One safeguard is to have different investigators conduct independent studies of the same questions
นักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับอันตรายของการคาดการณ์ก่อนที่จะเป็นกลางและทำตามขั้นตอนและพยายามหลีกเลี่ยงได้เมื่อออกแบบการสอบสวนและตรวจสอบข้อมูล หนึ่งป้องกันคือการมีนักต่างทำการศึกษาอิสระของคำถามเดียวกัน

The Scientific Enterprise



The Scientific Enterprise


By the end of the 8th grade, students should know that

Important contributions to the advancement of science, mathematics, and technology have been made by different kinds of people, in different cultures, at different times.
(มีส่วนร่วมสำคัญต่อความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีได้โดยที่แตกต่างกันของคนในวัฒนธรรมที่แตกต่างกันเวลาที่ต่างกัน)

Until recently, women and racial minorities, because of restrictions on their education and employment opportunities, were essentially left out of much of the formal work of the science establishment; the remarkable few who overcame those obstacles were even then likely to have their work disregarded by the science establishment.
(จนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ ผู้หญิงและชนกลุ่มน้อยเชื้อชาติเนื่องจากข้อ จำกัด ในการศึกษาและโอกาสการจ้างงานของพวกเขาเป็นซ้ายเป็นหลักมากจากการทำงานอย่างเป็นทางการของสถานประกอบการวิทยาศาสตร์นั้นโดดเด่นไม่กี่คนที่ก้าวผ่านอุปสรรคเหล่านั้นแล้วแม้โอกาสที่จะมีการทำงานของหัวตโดย สถานประกอบการวิทยาศาสตร์)

No matter who does science and mathematics or invents things, or when or where they do it, the knowledge and technology that result can eventually become available to everyone in the
(เรื่องที่ไม่วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์หรือสิ่งประดิษฐ์หรือเมื่อหรือที่พวกเขาทำมันไม่มีความรู้และเทคโนโลยีผลที่สุดจะกลายเป็นทุกคนสามารถใช้ได้ในโลกที่)

Scientists are employed by colleges and universities, business and industry, hospitals, and many government agencies. Their places of work include offices, classrooms, laboratories, farms, factories, and natural field settings ranging from space to the ocean floor.
(นักวิทยาศาสตร์ทำงานโดยวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยธุรกิจและอุตสาหกรรมโรงพยาบาลและหน่วยงานของรัฐหลาย สถานที่ทำงานของพวกเขามีสำนักงานห้องเรียนห้องปฏิบัติการ, ฟาร์ม, โรงงาน, และการตั้งค่าเขตธรรมชาติตั้งแต่พื้นที่พื้นมหาสมุทร)

In research involving human subjects, the ethics of science require that potential subjects be fully informed about the risks and benefits associated with the research and of their right to refuse to participate. Because animals cannot make informed choices, special care must be taken in using them in scientific research.
(ในการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องมนุษย์จริยธรรมของวิทยาศาสตร์กำหนดให้วิชาเต็มศักยภาพทราบเกี่ยวกับความเสี่ยงและผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและสิทธิของพวกเขาปฏิเสธที่จะเข้าร่วม เพราะสัตว์ไม่สามารถให้ข้อมูลทางเลือกดูแลพิเศษต้องมีที่ในการใช้ไว้ในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์)

Science ethics demand that scientists must not knowingly subject coworkers, students, or community residents to health or property risks without their prior knowledge and consent.
(วิทยาศาสตร์ต้องการจริยธรรมที่เพื่อนร่วมงานนักวิทยาศาสตร์ต้องไม่ทราบเรื่องนักเรียนหรือชาวชุมชนเพื่อสุขภาพหรือทรัพย์สินความเสี่ยงโดยไม่มีความรู้ก่อนและได้รับความยินยอม)

Computers have become invaluable in science, mathematics, and technology because they speed up and extend people's ability to collect, store, compile, and analyze data; prepare research reports; and share data and ideas with investigators all over the world.
(คอมพิวเตอร์ได้กลายเป็นคุณค่าทางวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีเพราะความเร็วและขยายความสามารถของผู้คนที่รวบรวมจัดเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจัดทำรายงานการวิจัยและข้อมูลร่วมกันและความคิดกับนักทั่วโลก)


Accurate record-keeping, openness, and replication are essential for maintaining an investigator's credibility with other scientists and society.
(ถูกต้องเก็บบันทึกข้อมูล, ความใจกว้างและจำลองมีความจำเป็นในการรักษาความน่าเชื่อถือของนักกับนักวิทยาศาสตร์อื่น ๆ และสังคม)


Scientists' personal interests and viewpoints can influence the questions they investigate.
(นักวิทยาศาสตร์'ประโยชน์ส่วนบุคคลและมุมมองจะมีผลต่อคำถามที่เขาศึกษา)

Scientists are linked to other scientists worldwide both personally and through international scientific organizations.
(นักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับนักวิทยาศาสตร์อื่น ๆ ทั่วโลกทั้งส่วนตัวและผ่านหน่วยงานทางวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติ)

วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553

project 2061

The Scientific Worldview
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยอาศัยการสังเกต ตั้งปัญหา ตั้งสมมติฐาน แล้วทำ การทดลองหาคำตอบในเรื่องปรากฏการณ์ธรรมชาติ อาจจะรูปในแบบโมเดล
(ไม่จำเป็นต้องทดลองเองทั้งหมด เอาแต่เพียงเข้าใจก็เพียงพอ)

Scientists differ greatly in what phenomena they study and how they go about their work
( เน้นการอธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติว่าเกิดขึ้นอย่างไรและเราจะศึกษาได้อย่างไร)

Scientific investigations usually involve the collection of relevant data, the use of logical reasoning, and the application of imagination in devising hypotheses and explanations to make sense of the collected data.

If more than one variable changes at the same time in an experiment, the outcome of the experiment may not be clearly attributable to any one variable. It may not always be possible to prevent outside variables from influencing an investigation (or even to identify all of the variables).

Collaboration among investigators can often lead to research designs that are able to deal with situations where it is not possible to control all of the variables

What people expect to observe often affects what they actually do observe. Strong beliefs about what should happen in particular circumstances can prevent them from detecting other results.

Scientists know about the danger of prior expectations to objectivity and take steps t

Scientific Inquiry try en
Scientific inquiry is more complex than popular conceptions would have it. It is, for instance, a more subtle and demanding process than the naive idea of "making a great many careful observations and then organizing them." It is far more flexible than the rigid sequence of steps commonly depicted in textbooks as "the scientific method." It is much more than just "doing experiments," and it is not confined to laboratories. More imagination and inventiveness are involved in scientific inquiry than many people realize, yet sooner or later strict logic and empirical evidence must have their day. Individual investigators working alone sometimes make great discoveries, but the steady advancement of science depends on the enterprise as a whole. And so onesigning investig
ations and examining data. One safeguard is to have different investigators conduct independent studies of the same questions




Nature of science

Nature of science

•วิทยาศาสตร์ต้องการหลักฐาน (Science Demands Evidence)

•วิทยาศาสตร์คือการบรูณาการตรรกะและจินตนาการเข้าด้วยกัน (Science Is a Blend of Logic and Imagination)

•วิทยาศาสตร์สามารถอธิบายและทำนายปรากฎการณ์ต่างๆได้ (Science Explains and Predicts)

•นักวิทยาศาสตร์พยายามหาหลักฐานเพื่อสนับสนุนการอธิบายปราฏการณ์ต่างๆ โดยไม่มีอคติ (Scientists Try to Identify and Avoid Bias)

•วิทยาศาสตร์มีอิสระและไม่ได้เกิดจาการบังคับ (Science Is Not Authoritarian)

•ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติมีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและ
ตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ

•มนุษย์สามารถทำความเข้าใจโลกได้ (The World Is Understandable)

•ความรู้วิทยาศาสตร์เป็นความรู้ที่ยอมรับได้ในช่วงเวลาหนึ่ง (Scientific Knowledge Is Durable) วิทยาศาสตร์ไม่สามารถให้คำตอบทุกอย่างได้ (Science Cannot Provide Complete Answers to All Questions

• เข้าใจถึงความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันระหว่าง วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
สังคม และ สิ่งแวดล้อม

•วิทยาศาสตร์คือกิจกรรมทางสังคมที่ซับซ้อน (Science Is a Complex Social Activity)

•วิทยาศาสตร์จำแนกได้หลายสาขาวิชาและนำไปใช้ในสถาบันต่างๆมากมาย (Science Is Organized Into Content Disciplines and Is Conducted in Various Institutions)

•การนำความรู้วิทยาศาสตร์ไปใช้ต้องคำนึงถึงศิลธรรม (There Are Generally Accepted Ethical Principles in the Conduct of Science)

•นักวิทยาศาสตร์ต้องมีส่วนร่วมในสังคมทั้งในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญและเป็นพลเมืองคนหนึ่ง (Scientists Participate in Public Affairs Both as Specialists and as Citizens)

Learning Style Inventory

Learning Style Inventory

เป็นการวัดความรู้สึก การปฏิบัติ และ
ทัศนคติที่มีต่อการเรียน รูปแบบของห้องเรียน วิธีสอน ครู กลุ่มเพื่อน โดยแบ่งผู้เรียนเป็น 6 แบบ ได้แก่


1) แบบอิสระ (Independent) ผู้เรียนแบบนี้ ชอบคิดด้วยตนเอง ชอบ
ทำงานด้วยความคิดเห็นของตนเอง แต่ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆ ในชั้นเรียน ผู้เรียนกลุ่ม
นี้จะตั้งใจเรียนวิชาที่ตนเองคิดว่าสำคัญและมีความมั่นใจในความสามารถในการเรียนรู้ของตนเอง
มาก


2) แบบพึ่งพา (Dependent) ผู้เรียนแบบนี้มีความอยากรู้อยากเห็นทาง
วิชาการน้อยมาก และจะเรียนรู้เฉพาะสิ่งที่กำหนดไว้ให้เรียนเท่านั้น ผู้เรียนประเภทนี้มองอาจารย์
และเพื่อนร่วมชั้นเรียนเป็นแหล่งความรู้ และแหล่งที่จะช่วยเหลือตนเองได้ และต้องการรับคำสั่ง
หรือบอกให้ทำ


3) แบบร่วมมือ (Collaborative) ผู้เรียนแบบนี้เป็นคนที่มีความรู้สึกว่า
สามารถเรียนรู้ได้ดีที่สุดด้วยการร่วมกันแสดงความคิดเห็น และร่วมกันใช้ความสามารถที่ทุกคนมี
อยู่ พยายามร่วมมือกับอาจารย์และเพื่อนในกิจกรรมการเรียนการสอน ชอบทำงานร่วมกับผู้อื่น
โดยมีความเห็นว่าห้องเรียนเป็นที่ที่เหมาะสำหรับการปะทะสังสรรค์ทางสังคม


4) แบบหลีกเลี่ยง (Avoidance) เป็นคนที่ไม่สนใจเนื้อหาวิชาที่เรียนในชั้น
เรียน โดยทั่วไปไม่ชอบที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอนร่วมกับเพื่อนๆและอาจารย์ ไม่
สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในชั้นเรียน มีความคิดว่าการเรียนในชั้นเป็นสิ่งที่ไม่น่าสนใจ



5) แบบแข่งขัน (Competitive) เป็นคนที่เรียนรู้ด้วยการพยายามกระทำสิ่ง
ต่างๆ ให้ดีกว่าคนอื่นๆ ในชั้นเรียน มีความรู้สึกว่าต้องแข่งขันกับเพื่อนๆ เพื่อที่จะได้รับรางวัล เช่น
คะแนนที่ดีกว่า หรือได้รับคำชมเชยจากอาจารย์ คิดว่าการเรียนในห้องเรียนต้องมีการแพ้หรือชนะ
และตนเองต้องเป็นผู้ชนะเสมอ


6) แบบมีส่วนร่วม (Participant) เป็นคนที่ต้องการเรียนรู้เนื้อหาวิชา และ
ชอบที่จะไปเรียนในชั้นเรียน มีความรู้สึกรับผิดชอบ แม้จะอยู่นอกชั้นเรียน และชอบมีส่วนร่วมกับ
เพื่อนคนอื่นๆ ในชั้นเรียน มีความรู้สึกว่าจะต้องมีส่วนร่วมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในกิจกรรมการ
เรียนการสอน แต่จะมีส่วนร่วมน้อยมากถ้ากิจกรรมนั้นเป็นกิจกรรมนอกหลักสูตรหรือเป็นกิจกรรม
ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสอน

วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สรุป พรบ การศึกษา 2544 กับ Contructivism

มาตรา ๒๒ การจัดการศึกษาต้องยืดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือ
ว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตาม ธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ
( จากความข้อนี้สอดคล้องกับแนวคิดของContructivism)

มาตรา ๒๓ การจัดการศึกษา ทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ต้อง เน้นความสำคัญทั้งความรู้คุณธรรม
(จากการจัดการเรียนรู้แบบนี้สอดคล้องกับแนว Contructivism เพราะผู้เรียนจะได้ใช้ความรู้เดิม
มาแก้ไขปัญหา โดยครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้ผู้เรียน)

มาตรา ๒๔ การจัดกระบวนการเรียนรู้จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัด
ของผู้เรียนส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรียน และ อำนวยความสะดวกเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลาทุกสถานที่ มี การประสานความร่วมมือกับบิดา มารดา ผู้ปกครอง และบุคคลในชุมชนทุกฝ่าย เพื่อร่วมกัน พัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพ
( หน้าที่เหล่านี้คือแนวปฏิบัติของครูผู้จัดการเรียนรู้ในแนวคิดของ Constructivism )

มาตรา ๒๕ รัฐต้องส่งเสริมการดำเนินงานและการจัดตั้งแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตทุกรูปแบบ
( แหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายจะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่สูงตามแนวคิดของConstructivism)

มาตรา ๒๖ ให้สถานศึกษาจัดการประเมินผู้เรียนโดยพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ การ
สังเกตพฤติกรรมการเรียนการร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการเรียนการสอน
( การประเมินที่ดีจะต้องประเมินแบบ 360 องศา )

มาตรา ๒๗ ให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อความ
เป็นไทย ความเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ การดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพ ตลอดจนเพื่อ
การศึกษาต่อ

มาตรา ๒๘ มุ่งหมายพัฒนาคนให้มีความสมดุลทั้งด้านความรู้ ความคิด ความสามารถ ความดีงาม
และความรับผิดชอบต่อสังคม
(เห็นด้วยกับมาตรานี้เพราะผู้เรียนจะเกิดตระหนักวิชาการมากขึ้น)


มาตรา ๒๙ สนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การพัฒนาระหว่างชุมชนและชุมชนกับโรงเรียน

มาตรา ๓๐ ให้สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่มีประสิทธภาพ รวมทั้งการส่งเสริมให้ผู้สอน
สามารถวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละระดับการศึกษา
( สอดคล้องการจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้)